|
||
ประวัติ รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ ( คำสาย ศิริขันธ์ )
โดย ดร. เกรียงไกร ปริญญาพล ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สภาวัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร
รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ ( คำสาย ศิริขันธ์ ) เป็นบุตรของพระเสนาภักดี ( ขันธ์ ) กับ นางพรหมมา เป็นหลานปู่ของพระศรีวรราชหรือเพียสีสุวงษ์ ( รี ) กับนางที และเป็นเหลนของเพียสีหาเทพ ( ศรี ) อดีตข้าราชการเมืองสกลนครสมัยเริ่มแรกเกิดเมื่อปีจอ จัตวาศก จุลศักราช ๑๒๒๔ รัตนโกสินทร์ศก ๘๑ ตรงกับวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๐๕ ณ คุ้มวัดศรีสระเกษ ตำบลธาตุเชิงชุม ( เดิมชื่อตำบลสะพานหิน ) อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร มีพี่น้อง ร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๗ คน คือ (๑) รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ ( คำสาย ศิริขันธ์ ) (๒) เมืองขวา ( คำสอน ศิริขันธ์ ) (๓) ขุนอภิบาลวรเดช ( ขาน ศิริขันธ์ ) (๔) ขุนนิเทศพานิช ( บุดดี ศิริขันธ์ ) (๕) นางคาย พงษ์สิทธิศักดิ์ (๖) นางมั่น พรหมดิเรก (๗) นางนาง ราชกรม ท่านเริ่มเรียนหนังสือไทยที่สำนักพระครูศรี และโรงเรียนปกครองที่มณฑลอุดรธานี ได้ประกาศนียบัตรการปกครอง โดยเรียนพร้อมกับรองอำมาตย์ตรี หลวงพิจารณ์อักษร ( เส พรหมสาขา ณ สกลนคร )
เริ่มรับราชการตามลำดับดังนี้ รัตนโกสินทร์ศก ๙๖ ( พุทธศักราช ๒๔๒๐ ) เสมียนเมืองสกลนคร ท้าวคำสาย ศิริขันธ์ ร่วมกับราชวงศ์ฟอง คุมกำลังไพร่พลเมืองสกลนครจำนวน ๒๐๐ คน ไปตั้งกองรักษาด่านที่บ้านนากระแด้งเชิงเขาอาดแขวงเมืองภูวดลสอางหรือสว่างต่อเขตเมืองคำเกิด – คำม่วน (ปัจจุบันอยู่ในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ด้วยเหตุเจ้าฟ้าหงี่เวียนเนียนเจ้าเมืองพูชุนแข็งข้อต่อฝรั่งเศสจะกู้อิสรภาพคืน แต่ถูกฝรั่งเศสปราบปรามจึงพาครอบครัวและไพร่พลหลบหนีจะเข้ามาอาศัยในเขตบ้านบ่อคำแฮ แขวงเมืองภูวดลสอางหรือสว่างซึ่งเป็นเขตราชอาณาจักรไทยเพื่อป้องกันมิให้เจ้าฟ้าหงี่เวียนเนียนและไพร่พลล่วงล้ำเข้ามาอาศัยในพระราชอาณาเขต ได้ตั้งกองกำลังรักษาอยู่ ๖ เดือน เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบจึงยกกำลังกลับเมืองสกลนคร
รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๐ (พุทธศักราช ๒๔๓๔ ) เพี้ยเมืองขวา , อักษรเลข รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘ (พุทธศักราช ๒๔๔๒) เป็นพระบริบาลศุภกิจ สัสดีเมืองสกลนคร รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๑ (พุทธศักราช ๒๔๔๕) ผู้พิพากษาศาลเมืองสกลนคร รัตนโกสินทร์ศก ๑๒๗ (พุทธศักราช ๒๔๕๑) นายอำเภอวาริชภูมิ
ชีวิตครอบครัว ท่านได้สมรสกับนางบัว บุตรของพระโคษาราช (นามเดิมไม่ปรากฎแต่สกุลนาถโคษา) กำนันตำบลสะพานหิน (บริเวณคุ้มวัดสะพานคำ เดิมเรียกว่าตำบลสะพานหิน) เมืองสกลนคร กับนางจัน นาถโคษา มีบุตรด้วยกันรวม ๔ คน คือ (๑) นายค่าย ศิริขันธ์ (๒) นางมุลซา วชิรภักดิ์ (๓) นางสาวรสสา ศิริขันธ์ (๔) นางสาววารี ศิริขันธ์ รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) เป็นผู้ที่สนใจและค้นคว้าประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากคราวเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอเมืองไชยบุรี ท่านได้สืบค้นประวัติความเป็นมาของชาวเมืองท่าอุเทนจนสามารถตรวจพบ “ ศิลาจารึก ” เรื่องราวความเป็นมาของต้นตระกูลชาวเมืองท่าอุเทนที่เป็นผู้สร้างวัดไตรภูมิ เมืองไชยบุรี และท่านได้ตรวจพบศิลาจารึกซึ่งเป็นอักษรธรรม อันเป็นภาษาคธถอดเป็นภาษาไทยไว้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๕๗ นับเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่จะอ้างอิงได้ทางประวัติศาสตร์ (ขณะนี้เก็บรักษาไว้ในโบสถ์วัดไตรภูมิ) เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๐ พระสุนทรธนศักดิ์ ปลัดมณฑลอุดรซึ่งทำหน้าที่ข้าหลวงเมืองสกลนครในสมัยนั้น ได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่รอบรู้เรื่องราวเมืองสกลนครขึ้นคณะหนึ่งจำนวน ๔ ท่าน เพื่อสอบค้นเรื่องราวประวัติเมืองสกลนคร แล้วทำการเขียนส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพ ฯ กรรมการ ๑ ใน ๔ ท่านนี้ มีรองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) ร่วมอยู่ด้วย ท่านมีบทบาทในการเขียนเรื่องประวัติศาสตร์ของเมืองสกลนครในอดีตนี้มากเพราะมีความรอบรู้ทั้งภาษาไทย และภาษาลาวเป็นอย่างดี ต่อมาหนังสือที่เขียนฉบับนี้ นายเตียง ศิริขันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีหลายกระทรวง ซึ่งเป็นหลานชายของท่านได้นำมาพิมพ์เผยแพร่ในโอกาสงานนมัสการพระธาตุเชิงชุม วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร (เดิมเรียกวัดธาตุศาสดาราม) จังหวัดสกลนคร เป็นครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓ ซึ่งเรียกว่า “ พงศาวดารเมืองสกลนครฉบับพระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) ” พงศาวดารฉบับนี้ได้รับการยกย่องและเชื่อถือจากนักวิชาการประวัติศาสตร์ในรุ่นหลัง ๆ เป็นอย่างมาก แม้มีการเขียนวิทยานิพนธ์หรือค้นคว้ารายงานทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอีสานเกี่ยวกับจังหวัดสกลนคร เหล่านักวิชาการมักจะอ้างอิงพงศาวดารฉบับนี้อยู่เสมอ
ด้านศาสนา นอกจากท่านจะเป็นผู้ใจบุญอุปถัมภ์ค้ำชูบำรุงรักษาวัดศรีสะเกษ (วัดนี้พระศรีวรราช (รี) ปู่ของท่านเป็นผู้สร้าง) แล้ว ท่านยังมีผลงานการทะนุบำรุงศาสนาโดยตลอด โดยเมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๑ พระเจดีย์วัดพระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อพระองค์แสนชำรุด ท่านได้เป็นนายงานนำลูกจ้างและชาวบ้านทำการซ่อมเสร็จแล้วได้บอกบุญปิดทองพระเจดีย์และพระพุทธรูปสิ้นเงิน ๙๔๒ บาท ๔๖ สตางค์ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๘ ท่านได้เป็นนายงานนำชาวบ้านทำการขยายรั้ววัดพระธาตุเชิงชุมด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออก ให้เป็นเขตวัดพระธาตุเชิงชุมตามคำสั่งนายอำเภอธาตุเชิงชุมฉบับที่ ๒ / ๒๔๖๘ ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๖๘ ท่านเป็นคนที่มีความคิดทันสมัยอยู่เสมอ โอบอ้อมอารีแก่ชนทุกชั้น บุตร - หลาน – เหลน และญาติพี่น้องต่างให้ความเคารพและยกย่องให้ท่านเป็นต้นตระกูล “ ศิริขันธ์ ” ทั้งเมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๕ ท่านได้ทำบุญเนื่องในโอกาสอายุครบ ๗๐ ปี มีบุตร – หลาน – เหลน ญาติพี่น้องตลอดบุคคลที่เคารพนับถือต่างมาร่วมอวยพรอย่างคับคั่ง ท่านได้แจกหนังสือเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่มาร่วมในงานเนื่องในวันดังกล่าวนี้ด้วย
บั้นปลายชีวิต รองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ (คำสาย ศิริขันธ์) ถึงแก่กรรมด้วยโรคชราเมื่อพุทธศักราช ๒๔๘๐ สิริอายุรวมได้ ๗๖ ปี ณ บ้านตรงข้ามวัดศรีสระเกษ ถนนสุขเกษม ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร และได้ทำการฌาปนกิจศพตามประเพณีนิยมที่บริเวณหนองสองห้อง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดสกลนคร) เมรุและหีบศพของท่านได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามจากช่างฝีมือดีพื้นเพชาวนครหลวงพระบางราชอาณาจักรลาวจำนวน ๕ คน คือ นายสี พูมมา , นายแก่น เมืองหลวง , นายคำตัน , นายเพ็ง , นายพงษ์ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ ทายาทชั้นเหลน ได้ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์ ของท่านขึ้น ณ วัดศรีสระเกษ ถนนสุขเกษม ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร และมีการทำบุญรำลึกถึงท่านทุกปี
สิ้นประวัติโดยย่อของรองอำมาตย์โท พระบริบาลศุภกิจ( คำสาย ศิริขันธ์ )เพียงนี้
นางบริบาลศุภกิจ (บัว ศิริขันธ์)
หนังสือแจกในงานคล้ายวันเกิดและอายุครบ ๗๐ ปี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕
ตั้งขบวนศพบริเวณหน้าบ้านพัก
บุตร - หลาน บวชเณรหน้าไฟในงานศพ
หามพระเถระชั้นผู้ใหญ่นำหน้าขบวนศพ ( ถนนสุขเกษมหน้าวัดศรีสะเกษ )
คณะญาติและผู้มีเกียรติตามขบวนแห่ศพ ( ถนนสุขเกษมหน้าวัดศรีสระเกษ )
คณะญาติบวชชีตามขบวนศพ ( ถนนสุขเกษมโค้งไปทางโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล ) เคลื่อนศพไปฌาปนสถาน ( ในภาพเคลื่อนตามถนนใสสว่างบริเวณหน้าโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล )
ขบวนศพ
ณ เมรุ ชั่วคราว บริเวณหนองสอง ( ปัจจุบันคือศูนย์วิจัยประมงน้ำจืดจังหวัดสกลนคร ด้านหลังคือหนองหารสกลนคร )
เมรุ ชั่วคราว ( ด้านหลังทิวทัศน์หนองหารสกลนคร ) ________________________________________ |
|
Online: 1 | Visits: 261,436 | Today: 81 | PageView/Month: 1,139 |